วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ความแตกต่างระหว่าง เบส, รองพื้น, บีบี, ซีซี, ไพร์เมอร์, คอนซีลเลอร์

     ห่างหายจากการเขียนบล็อคไปนานเลย กลับมาคราวนี้เนื่องจากมีประเด็นที่ไปเจอมากับตัวเอง คือเมื่อต้องการไปซื้อ BB แต่คนขายกลับยื่น Foundation มาให้ โดยบอกว่ามันเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงแพ็คเกจ ... งงในงงไปเลยจ้าาาาาา เนื้อก็แตกต่าง การปกปิดก็ให้ความแตกต่าง เอาล่ะสิตกลงที่เราเข้าใจมาตลอด คือไม่ถูกต้องงั้นหรอ???   
     งั้นวันนี้เลยมาหาข้อมูล และอยากจะมาแชร์ถึงความแตกต่างของเบส, รองพื้น (Foundation), บีบี, ซีซี, ไพร์เมอร์, คอนซีลเลอร์ ซะเลยว่าแต่ละตัวมีความแตกต่างกันอย่างไร

เริ่มต้นกันด้วยนี่เลยค่ะ 






เบส (Make up Base)  เนื่องจากเบสจะเป็นตัวที่เราทาหลังจากทาครีมกันแดด หรือครีมบำรุงผิว ซึ่งมีให้ซื้อหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา
วัตถุประสงค์การใช้งาน - เพื่อเอาไว้ใช้แก้ไขปัญหาพื้นฐานของผิวหน้า ให้พอดีและเหมาะกับความต้องการ หรือบางคนก็เอาไว้เตรียมผิวหน้าให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้า ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือ เบส จะทำให้สีผิวปรับให้สม่ำเสมอ อำพรางสีผิวและริ้วรอย ก่อนที่จะลงรองพื้นเพื่อให้ใบหน้าดูเนียนใส
ซึ่งส่วนใหญ่เบส จะอยู่ในรูปแบบของของเหลว, เจล, ครีม หรือเป็นครีมอัดแท่งซึ่งมีสีต่างๆกัน ซึ่งเบสตามที่เราเห็นก็จะมีสีต่างๆแตกต่างกันออกไป ดังนี้
ฟ้า - สำหรับผิวคล้ำ ให้สีผิวดูโดดเด่น สดใส ไม่หมองคล้ำ
สีเขียว - สำหรับผิวขาวเหลือง ให้ผิวหน้าดูสดใส อ่อนวัย
สีม่วง - สำหรับผิวขาวอมชมพู ช่วยปรับให้ผิวขาวระเรื่อ แลดูมีสุขภาพดี
สีส้ม - สำหรับผิวสองสี หรือผิวสีแทนให้ใบหน้าสว่างสดใสและเรียบเนียน
สีเหลือง - สำหรับผิวสีแทน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน สม่ำเสมอ

และหลังจากการทาครีมบำรุง, ครีมกันแดด และ Makeup Base (ถ้ามี) แล้ว ขั้นตอนต่อมาเราจะลงรองพื้นตามความต้องการเพื่อเป็นการปกปิดผิว








รองพื้น (Foundation) - มีลักษณะเป็นเนื้อครีม หลากหลายชนิด แตกต่างตามความเข้มข้น เช่น
- ผสมด้วยน้ำมัน (Cream) ทำให้รองพื้นมีความหนาแน่นและเข้มข้นมาก ให้ผลลัพธ์ในการปกปิดผิวที่มาก
- ผสมด้วยน้ำ (Liquid) ทำให้เนื้อรองพื้นมีความหนาแน่นเบาบางลงทำให้ไม่รู้สึกหนัก ผิวแต่ก็ยังปกปิดผิวได้ในระดับปานกลาง
- ผสมด้วยอากาศ (Mouse) ก็จะทำให้เนื้อรองพื้นมีความเบามากทำให้ได้ความปกปิดใน ระดับเบาเบาดูธรรมชาติมากขึ้น
- ผสมด้วยแป้งเป็นหลัก (Powder) ก็จะทำให้เนื้อรองพื้นมีความร่วนทำให้ใช้งานได้ง่าย แต่ความติดทนของเนื้อรองพื้นที่ยึดเกาะกับผิวก็จะน้อยลงไปด้วย
วัตถุประสงค์การใช้งาน - จุดเด่นคือ ช่วยปกปิดจุดบกพร่องของผิวได้ปานกลางถึงมาก ถ้าเทียบง่ายๆก็คือ เราจะเห็นดาราฮอลีวู๊ดก่อนแต่งหน้ากับหนังแต่งหน้า หน้าตาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

เพิ่มเติม : ปัจจุบันรองพื้นก็มีให้เลือกซื้อหลากหลายแบบ ดังนี้ค่ะ 
(ข้อมูลจากhttp://www.jeban.com/topic/238465)

1. รองพื้นแบบทินท์ (Tinted Moisturizer) จริงๆจะเรียกไอเท็มนี้ว่ารองพื้นก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพราะมันบางมาก เป็นฟีลมอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงที่มีสีมากกว่า เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ผิวดีมากกกอยู่แล้ว เพราะไม่ปิดอะไรเลย แต่จะช่วยให้หน้าดูผ่อง กระจ่างใส และเติมความชุ่มชื่นให้ผิวจ้า
***  สาวๆ ผิวแห้ง เหมาะกับ Tinted Moisturizer มาก แต่หากใครมีรอยสิว รอยแดง ก็สามารถใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดเฉพาะจุดก็ได้ค่ะ



2. รองพื้นแบบลิควิด (Liquid Foundation) รองพื้นเนื้อลิควิดหรือแบบขวดที่เราใช้กันบ่อยๆ เป็นแบบที่สาวๆ คุ้นเคยที่สุด เพราะมีขายเยอะมากกกกก หลายแบรนด์ หลายรุ่น ใช้ง่าย ซื้อง่าย  เนื้อลิควิดมีทั้งแบบเหลวและข้นต่างกันไปตามรุ่น ถ้าเหลวๆ ส่วนมากก็จะปกปิดบางเบา ผิวๆ หน่อย เหมาะสำหรับสาวๆ ผิวดี ไม่ค่อยมีร่องรอยไรเยอะ แต่ถ้าพวกงานหน้าแน่นปัง ก็จะเป็นลิควิดแบบครีมข้นๆ ปิดรอยสิวได้เยอะ ติดแน่นทนนาน คุมมันจัดๆ 


3. รองพื้นแบบครีมรองพื้นแบบครีมมีทั้งมาในแบบกระปุก หรือมาเป็นตลับ หรือที่สาวๆ เห็นตลับรองพื้นสารพัดสีที่ Make up artist ชอบใช้กันค่า เนื้อจะค่อนข้างเข้มข้น ปกปิดได้ดี  ผิวดูมีความโกลวเล็กน้อย ดูเป็นผิวจริงสุดๆ
***  รองพื้นแบบครีมกระปุกจะค่อนข้างเข้มข้น มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบเยอะ เหมาะสำหรับสาวๆ ผิวแห้งที่ต้องการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ส่วนแบบตลับนั้นจะแห้งกว่า เวลาใช้ควรวอร์มก่อนเพื่อไม่ให้เป็นคราบ


4. รองพื้นแบบแท่ง (Stick Foundation) รองพื้นแบบแท่ง หรือที่เรียกกันว่า "Foundation Stick" เนื้อจะค่อนข้างเข้มข้น แต่สามารถเกลี่ยด้วยนิ้วหรือแปรงได้ สามารถลงซ้ำเพื่อเพิ่มการปกปิดได้ ข้อดีคือครีมจะเกาะผิวดี ดูเนียน เป็นธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือ บางตัวก็อาจจะเยิ้มมาก หรือบางตัวถ้าแห้งไปก็ไปเกาะหน้าที่ลอกๆ ขุยลอยเด่นแน่นอน
*** ใครเก็บ Stick Foundation ไว้ในห้องแอร์ ก่อนใช้ ควรปาดลงบนหลังมือเพื่อวอร์มเนื้อรองพื้นให้ละลายก่อน จะลงได้ง่ายและเนียนขึ้น

5. รองพื้นแบบมูส (Mousse/Whipped Foundation) เนื้อรองพื้นจะเป็นฟองครีมนุ่มๆ นุ่มลื่นเกลี่ยง่าย สามารถลงทับเพื่อเพิ่มการปกปิดได้  แต่ในไทยอาจมีตัวเลือกไม่เยอะค่ะ
*** รองพื้นเนื้อมูสเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่ริ้วรอยเยอะเพราะว่ามันไม่เป็นริ้ว ไม่ตกร่อง  หรือสาวๆ วัยรุ่นที่ชอบยิ้มแสดงอารมณ์เยอะๆ แต่กลัวรองพื้นแตกตามร่องแก้ม มุมปาก มันเริ่ดมากนะคะ
6. รองพื้นแบบเปลี่ยนสถานะ (Cream to Powder Foundation/Liquid to Powder Foundation) สำหรับสาวๆ หน้ามัน ต้อง Cream to powder foundation/ Liquid to powder foundation เลยจ้าาา เพราะรองพื้นตัวนี้พอเกลี่ยลงไปบนผิวปุ๊บจะเปลี่ยนเป็นแป้งเซ็ตตัวกลืนกับผิวไปเลย  มีทั้งแบบที่เป็นครีมและแบบลิควิดเหลวๆ นะ ใช้แล้วก็จะได้ลุคแมตต์แบบไม่ต้องตบแป้งฝุ่นซ้ำ 


7. แป้งผสมรองพื้น (Powder Foundation) เรียกว่า Powder Foundation อาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่า "แป้งผสมรองพื้น" สาวๆ ร้องอ๋อออออ แน่นอน!  เพราะมันคือแป้งตลับที่ผสมรองพื้นนั่นเอง ปกปิดได้แน่น ปัง กลบรอยสิว รอยแดงต่างๆ ได้ สาวๆ ที่ไม่อยากแต่งหน้าลงรองพื้นแบบยิ่งใหญ่ แต่อยากปิดรอยสิวก็เลือกใช้แป้งผสมรองพื้นได้จ้า ส่วนคุมมันหรือไม่คุม ขึ้นกับแต่ละรุ่นน้า (มีแป้งแบบไม่ผสมรองพื้นด้วย แต่การปกปิดก็จะน้อยลงไป)
แป้งผสมรองพื้นหาง่าย ใช้ง่าย ราคาเริ่มต้นแบบไม่ถึงร้อยยังมีเลยนะ 
***  สามารถใช้แป้งผสมรองพื้นลงทับรองพื้นที่แต่งไว้อยู่แล้วได้ 
***  ถ้าต้องการความ แน่น สำหรับการไปงานหรือไปรับปริญญา
***  แต่ก็ต้องระวังหน้าดูหนาด้วยจ้ะ

8. รองพื้นแบบสเปรย์ (Spray Foundation)  ถ้าสาวๆ เคยเห็นสเปรย์ถุงน่อง สเปรย์รองพื้นก็เป็นแบบเดียวกันเลยค่ะ ใช้ฉีดลงไปบนพัฟหรือฟองน้ำแล้วมาแตะเกลี่ยบนใบหน้า หรือจะฉีดลงไปบนผิวแล้วเกลี่ยก็ได้ จะให้ความบางเบาดูเป็นผิวสุดๆ  
***  ใครที่แต่งหน้าแล้วรองพื้นหลุดระหว่างวัน สามารถใช้แบบสเปรย์เติมลงไปให้หน้าแน่นปังขึ้นได้แบบไม่ต้องลบลงใหม่ทั้งหน้า 

9. Mineral Foundation มีลักษณะเป็นผง ทำจากแร่ธาตุต่างๆ จากธรรมชาติตามชื่อเลย สามารถใช้ได้ทั้งแบบเปียกและแห้ง มีตั้งแต่การปกปิดแบบบางเบา ไปจนถึงการปกปิดแน่นๆ ที่สามารถปิดรอยสิว รอยดำได้เริ่ดเหมือนรองพื้นและคอนซีลเลอร์เลยค่ะ
***  Mineral Foundation เหมาะกับสาวๆ ผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะทำจากธรรมชาติ ค่อนข้างอ่อนโยน ไม่อุดตันผิว

หลังจากเรื่องของรองพื้นแล้ว มาต่อด้วย BB และ CC กันค่ะ  โดยจะขอพูดทั้งสองตัวควบคู่กันไปเลย

                                                     
บีบี ครีม (BB cream ; Blemish Balm Cream) - มีส่วนผสมของ เบส รองพื้น กันแดด มอยเจอร์ไรเซอร์รวมอยู่ในตัวเดียว เอนกประสงค์สุดๆ ซึ่งตัว BB จะให้สัมผัสเนื้อแมท
ครีมรองพื้น BB นั้น แต่เดิมเป็นครีมที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้ปกปิดรอยแผลบนผิวหนัง ให้เนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับฟาวน์เดชั่น มีคุณสมบัติดีเยี่ยมในการช่วยปกปิดปัญหาผิวต่างๆ
วัตถุประสงค์การใช้งาน - เป็นครีมปรับสภาพผิวหน้าให้เนียนใส ควบคุมความมัน เหมาะกับสาวๆที่มีรอยแดงๆ เห่อบนใบหน้า เจ้าบีบีจะช่วยปรับสภาพสีผิวเราให้เป็นสีปกติ และยังปรับได้เข้ากับทุกสีผิว ดังนั้นบีบี ครีมจึงไม่มีเฉดสีให้เลือก

ทีนี้เรามาดูจุดเด่นของ BB เกาหลี และ ญี่ปุ่น กันดีกว่าค่ะ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง 
จุดเด่นของครีมรองพื้น BB เกาหลี

     จุดเด่นของครีมรองพื้น BB เกาหลีคือ เนื้อสัมผัสแน่นและมีคุณสมบัติในการปกปิดค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้ผิวรู้สึกเหนอะได้เช่นกันค่ะ เนื่องจากเกาหลีนั้นมีภูมิอากาศที่ค่อนข้างแห้งเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง เนื้อครีมจึงมีลักษณะเป็นลิขวิดข้น

จุดเด่นของครีมรองพื้น BB ญี่ปุ่น
     ครีมรองพื้น BB ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ส่วนใหญ่เป็นเนื้อครีมที่ให้เนื้อสัมผัสเบาบาง ให้ความเรียบเนียนไปกับผิวเมื่อใช้ สาวๆคนไหนที่ชื่นชอบการแต่งหน้าในลุคธรรมชาติ ควรเลือกครีมรองพื้น BB ของญี่ปุ่นนะคะ

ส่วนครีมรองพื้น CC นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาเพื่อใช้เป็นเครื่องสำอางค์ มีคุณสมบัติหลักในการปรับสีผิว มีความเนียนเข้ากับผิวและช่วยปรับผิวให้แลดูสว่างใสขึ้นอีกหนึ่งระดับ และ CC ให้ฟินิชลุคแบบธรรมชาติ

จบจาก BB และ CC ไปแล้วถึงคราวของไพร์เมอร์ และคอนซีลเลอร์ แล้วค่ะ





ไพร์เมอร์ (Primer = Foundation Primer) - เป็นครีมที่เนื้อส่วนใหญ่เป็นเนื้อซิลิโคน สีส่วนใหญ่จึงเป็นสีใสๆ
วัตถุประสงค์การใช้งาน - ใช้ช่วยปิดรูขุมขนได้ดีเนื่องจากเป็นเนื้อซิลิโคน ให้หน้าเรียบเนียน จะรู้สึกได้ว่าหน้าเราไม่มีรูขุมขนเลย ป้องกันการแตกลายของรองพื้นและแป้งที่เข้าไปตามรองต่างๆ บนผิวหน้า บางยี่ห้อจะทําเป็นสีๆ เช่น เขียว ม่วง มาช่วยปรับแสงทําให้หน้าผ่องก่อนลงรองพิ้น และทำให้เครื่องสำอางติดทนนานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

มาถึงตัวสุดท้ายแล้วนะคะ




คอนซีลเลอร์(Concealer) - คอนซีลเลอร์ที่อาจจะเป็นลูกรักของใครหลายๆคนที่มีปัญหารอยสิวกวนใจหรือรอยคล้ำใต้ตา เมื่อใช้เจ้าสิ่งนี้ รอยต่างๆก็หายไปหมดสิ้น
วัตถุประสงค์การใช้งาน -เพื่อปกปิดหรือซ่อนจุดบกพร่องต่างๆ ที่อยู่บนผิวไม่ว่าจะเป็น รอยสิว รอยคล้ำ รอยแดง จุดด่างดำเล็กๆ แผลเป็น ฝ้า กระ และจุดบกพร่องอื่นๆ ที่ปรากฏบนผิวหน้า เพราะคอนซีลเลอร์สามารถให้ระดับการปกปิดอยู่ในระดับมากที่สุด โดยส่วนผสมของคอนซีลเลอร์ก็จะมีหลากหลายประเภทคล้ายๆ กับรองพื้นนั่นเอง


ขอบคุณภาพและข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อช่วยให้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ^^
ภาพประกอบจาก : google / jeban.com
ข้อมูล : jeban.com / facebook : BeautiVillage / my-best.in.th